เจาะลึก Gaming x Fnatic Mode ใน OnePlus 7 Pro
หลังจากที่สมาร์ทโฟนแบรนด์ OnePlus เปิดตัวรุ่นใหม่ล่าสุดของปีนี้อย่างรุ่น 7 PRO ไป เชื่อว่าหลายคนคงสงสัยว่าสเปกแรงเร็วขนาดนี้ หากเทียบเรื่องการเล่นเกมกับแบรนด์อื่นๆ มีจุดเด่นที่น่าสนใจยังไง วันนี้ผมจะพามาเจาะประเด็นนี้กันครับ
สเปกระดับท็อปของปีนี้
จริงๆเรื่องของสเปกนั้นคงไม่ต้องพูดกันมาก เพราะทุกวันนี้รุ่นเรือธงของแต่ละแบรนด์ก็อัดสเปกมาคล้ายๆกันหมด ไม่ว่าจะเป็นหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 855 ที่มาพร้อมหน่วยประมวลผลภาพ Adreno 640 และมีแรมให้เลือกถึง 3 ขนาดด้วยกัน คือ 6/8/12GB อย่างที่บอกว่าสเปกโดยรวมแล้วก็ไม่ต่างจากเรือธงแบรนด์อื่น ดังนั้นสิ่งที่ต้องแข่งขันกันก็คือในเรื่องของซอฟแวร์และลูกเล่นภายใน
- Snapdragon 855 CPU
- Adreno 640 GPU
- 6GB, 8GB or 12GB of RAM
- 128GB or 256GB of internal storage
- 6.67-inch fluid AMOLED touch screen with a 90Hz display
- Dual Dolby Atmos speakers and a liquid cooling system
GAMING MODE
เป็นระบบที่อยู่กับ ONEPLUS มาสักระยะแล้ว โหมดระบบนี้จะเป็นระบบที่ช่วยให้เราสามารถตั้งค่าต่างๆ ให้สามารถเล่นเกมได้สนุกไร้สิ่งรบกวน โดยตัวระบบจะอยู่ภายในเมนูตั้งค่าเลย เราสามารถเลือกปิดการแจ้งเตือนต่างๆ ไม่ให้มารบกวนในขณะที่เรากำลังเล่นเกม และส่วนที่พิเศษก็คือ “Network Boost” เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานอินเตอร์เน็ตในขณะเล่นเกม ด้วยการถ่ายความเร็วอินเตอร์เน็ตไปที่เกมที่เราเล่น และลดการใช้งานอินเตอร๋เน็ตของแอพฯที่ทำงานเบื้องหลัง เพื่อให้ความเร็วอินเตอร์เน็ตขณะเล่นคงที่ และเร็วอยู่เสมอ
ความสามารถของแต่ละฟังก์ชั่น
- Answer calls via speaker เมื่อมีสายเข้า หากกดรับ จะทำการเปิดลำโพงให้อัตโนมัติ ช่วยให้เรายังคงเล่นเกมต่อได้
- How to show notifications สามารถเลือกตั้งให้โชว์หรือไม่โชว์การแจ้งเตือนต่างๆได้
- Notifications for 3rd party calls สามารถเลือกได้ ว่าหากมีการโทรเข้าแบบวิดิโอคอล หรือโทรผ่านอินเตอร์เน็ต จะให้แจ้งเตือนหรือไม่
- Disable automatic brightness ส่วนนี้หลายคนคงรำคาญ เวลาเล่นเกมแล้วแสงชอบเพิ่มๆลดๆ ตัวนี้จะช่วยให้แสงคงที่ ไม่เพิ่มลดอัตโนมัติ
- Network boost เป็นการจำกัดการใช้อินเตอร์เน็ตของแอพฯอื่น เพื่อให้การใช้อินเตอร์เน็ตในการเล่นเกมเสถียร
Fnatic Mode
ส่วนนี้เป็นโหมดใหม่ที่มาในรุ่น 7 Pro เป็นรุ่นแรก ถือเป็นส่วนขยายของ Gaming Mode ระบบเดิมของ OnePlus แต่จะพิเศษขึ้นหน่อย เพราะระบบนี้ ได้พัฒนาร่วมกับทีมนักกีฬาอีสปอร์ตชื่อดังอย่างทีม “Fnatic” ทีมที่มีความชำนาญในการเล่นเกมหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเมื่อเปิดใช้งานแล้ว สมาร์ทโฟนจะทำการปรับแต่งฮาร์ดแวร์ให้เข้ากับเกมที่เล่น ทั้งนี้เกมที่รองรับ จะต้องผ่านการทดสอบจาก Oneplus มาก่อนด้วย
วิธีการเปิดใช้งาน Fnatic Mode นั้น ให้เข้าไปที่ Setting>Utilities>Gaming Mode จากนั้น เลือกเกมที่ต้องการจะให้ Gaming Mode ปรับ และเปิด Fnatic Mode เพียงเท่านี้ก็สนุกกับการเล่นเกมได้มากขึ้นแล้วครับ
ทีม Fnatic นั้น คือหนึ่งในทีมนักกีฬาอีสปอร์ตที่ประสบความสำเร็จมากเป็นอันดับต้นๆของโลก ซึ่งมีทีมที่แข่งเกมมากกว่า 10 เกมเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเกม Apex Legends, League of Legends, DOTA2, FIFA และ CS:GO ส่วนเกมบนสมาร์ทโฟนนั้น ก็มีทั้ง Rules of Survival, Fortnite และ Clash Royals ซึ่งการได้ทีมที่เต็มไปด้วยคนที่เก่งในเรื่องการเล่นเกมมาช่วย จะทำให้ผู้พัฒนาสมาร์ทโฟน OnePlus เข้าใจคนเล่นเกมได้มากกว่าเคย โดย 3 ความสามารถที่เพิ่มเข้ามานั้น มีดังนี้
- Aggressive CPU Focus นี่จะเป็นครั้งแรก ที่จะให้คุณสามารถเล่นเกมโดยการไม่ลดทรัพยากรเครื่องเลย เปิดใช้งานเต็มที่ CPU,GPU,RAM วิ่งสุด ในขณะเดียวกันการกินแบตและความร้อนก็ถูกควบคุมไม่ให้ลดเร็วจนเกินไป
- Lowest-latency game play เป็นความสามารถที่พัฒนาเพิ่มเติมมาจาก Network Boost ที่สามารถปิดกั้นการใช้งานอินเตอร์เน็ตจากแอพฯอื่นๆ โดยเฉพาะแอพฯที่ชอบดาวน์โหลดข้อมูลเบื้องหลัง ทำให้การเล่นเกมที่ใช้อินเตอร์เน็ตต้องได้รับผลกระทบตามไปด้วย ตัวนี้จะทำให้เราหายห่วงเรื่องเน็ตแกว่งไปได้เลย
- Advanced DND feature เป็นการปิดกั้นการติดต่อสื่อสารอย่างการโทรแบบสมบูรณ์ เรียกได้ว่าเปลี่ยนจากโทรศัพท์เป็นเครื่องเล่นเกมไปเลย เพื่อป้องกันการรบกวนครับ
หลังจากลองทดสอบ พบว่าในบางเกม ระบบไม่ได้เร่งความสามารถแล้วรันเกมให้มีกราฟฟิคดีที่สุด แต่กลับปรับตัวเกมให้แสดงผลได้ดีน้อยลงนิดหน่อย แรกมากับความลื่น บางเกมปรับความละเอียดหน้าจอลง บางเกมก็แสดงผลได้อย่างเต็มที่ แต่โดยรวมแล้ว สามารถเล่นเกมได้ลื่นไหลซะส่วนใหญ่ ผมประทับใจตรงที่เครื่องร้อนค่อนข้างช้า และเมื่อเราเล่นเกมและร้อนมากๆ ทิ้งไว้เพียงครู่เดียว เครื่องก็ระบายความร้อนจนเย็นได้อย่างรวดเร็วครับ แต่เนื่องจากตัวที่ทางเราได้มาเทสนั้น มีเวลาค่อนข้างจำกัด เลยยังลองเกมได้ไม่ครบตามที่ตั้งใจ และไม่รู้ว่าในอนาคตตัวซอฟแวร์นี้จะถูกพัฒนาให้ดีขึ้นอะไรยังไงบ้าง ก็ต้องลองติดตามชมกันนะครับ